“อมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ” เฮียม๊อ ยันไม่ได้ขายหุ้น MORE ออกมา ยังถือหุ้นครบ 1,500 ล้านหุ้น แถมผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรกก็ยังถือหุ้นครบ คาดเป็นกลุ่มนักลงทุนระยะสั้นที่ “อภิมุข” ชักชวนเข้ามาลงทุน
กำลังร้อนแรงกับกระแสหุ้น MORE หรือบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) ที่ถูกถล่มติดฟลอร์ 2 วันติด หลังจากมีการตั้งคำสั่งซื้อ(ATO) ที่ราคา 2.90 บาท มีปริมาณการซื้อขายที่ 1,531.77 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 4,442.13 ล้านบาท โดยมีคำสั่งขายจาก 2 โบรกเกอร์คือ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัดและบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ซึ่งปรากฏชื่อ เฮีย ม. เข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะผู้ขาย
นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ (เฮียม๊อ) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ1 บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ยืนยันว่า ไม่ได้ ขายหุ้น MORE ออกมาเลย ปัจจุบันยังคงถือหุ้นครบทั้งจำนวนกว่า 1,500 ล้านหุ้น และจากการสอบถามผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 3-5 คือ นายศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล , นายอภิมุข บำรุงวงศ์ และ นายวสันต์ จาวลา ก็ไม่ได้ขายหุ้นออกมาเช่นกัน
““ส่วนตัวอยู่ระหว่างขอปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น เพื่อดูว่าใครถือหุ้นอยู่ในปัจจุบันบ้าน ส่วนผู้ถือหุ้นผ่านบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ที่ถือหุ้นอันดับ 2 นั้น โดยส่วนตัวไม่ทราบว่า ใครถือหุ้นอยู่บ้าง”นายอมฤทธิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าผู้ที่ขายหุ้นออกจำนวน 1,500 ล้านหุ้นนั้น เป็นกลุ่มนักลงทุนระยะสั้นที่ นายอภิมุข เป็นผู้ชักชวนเข้ามาลงทุนและถือหุ้นไม่ถึง 1 ปี ซึ่งในอดีต กลุ่มผู้ลงทุนที่นายอภิมุข ชักชวนมาลงทุน หากถือไประยะหนึ่งแล้ว ต้องการขาย นายอภิมุข ก็จะเป็นผู้รับซื้อไว้
สำหรับกรณีที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในปัจจุบัน โดยส่วนตัวเชื่อว่า ถ้านายอภิมุข เป็นผู้ไปรับซื้อจากนักลงทุนที่เขาชวนมาลงทุน กรณีนี้ก็ไม่แปลกใจ เพราะนายอภิมุข ก็เคยทำแบบนี้มาแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลงแรงมาก จนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ของบริษัทร่วงลงมาเหลือเพียง 8,947 ล้านบาท จากเดิมที่เคยสูงถึงระดับ 20,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบมาว่า นายอภิมุข ได้เข้าไปเจรจากับโบรกเกอร์ เพื่อที่จะกลับเข้ามาซื้อหุ้น แต่ในรายละเอียดปลีกย่อยโดยส่วนตัวไม่ได้รับทราบ และการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ขึ้น SP หุ้น MORE นั้น น่าจะจะทำให้ ราคาหุ้นก็จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และน่าจะร่วงติดฟลอร์ไปอีกหลายวัน เพราะนักลงทุนอาจจะไม่เชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนหุ้นของบริษัท