ประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับการจัดซื้อครุภัณฑ์สำนักงานราคาสูงของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมไทย โดยเฉพาะกรณีเก้าอี้ห้องประชุมที่มีราคาสูงถึงตัวละ 90,000 บาท ซึ่งสร้างความสงสัยและคำถามมากมายจากประชาชนผู้เสียภาษี รวมทั้งผู้ประกอบการภาคเอกชนที่มักจะบริหารจัดการงบประมาณอย่างรัดกุมและคุ้มค่า
นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว โดยอธิบายว่า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมีบุคลากรทั้งสิ้น 2,400 คน และเก้าอี้ที่มีราคาสูงถึง 90,000 บาทนั้น มีเพียงชุดเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นเก้าอี้สำหรับประธานและกรรมการในห้องประชุม ไม่ได้จัดซื้อให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน โดยเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่กว่า 80% นั่งเก้าอี้ที่มีราคาปกติทั่วไป
“สตง.มีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 2,400 คน เก้าอี้ตัวละ 1-2 หมื่นบาท การสร้างบริษัทโดยปกติจะกำหนดว่าชั้นสูงที่เป็นพื้นที่ผู้บริหาร ดังนั้นครุภัณฑ์จะมีการออกแบบตามฐานะ เก้าอี้แพงมีเพียงชุดเดียว ก็คือเก้าอี้ของประธาน และเก้าอี้ของกรรมการในห้องประชุม หลายคนเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ สตง.ทุกคนต้องนั่งเก้าอี้ตัวละ 90,000 บาท แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ไปดูรายละเอียดจากกรมบัญชีกลางได้ เจ้าหน้าที่เกิน 80 % นั่งเก้าอี้ปกติ” นายมณเฑียรชี้แจง
ในขณะที่การชี้แจงนี้ได้เผยแพร่ออกไป นายปราโมทย์ ปาทาน หรือที่รู้จักกันในนาม “โอ๊ต – โอด” ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO บริษัทโคตรคูล บริษัทสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ ได้แสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดียอย่างตรงไปตรงมา เปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการบริหารจัดการงบประมาณในภาคเอกชนและภาครัฐ
“ผมเป็น CEO ยังนั่งตัวไม่ถึงหมื่นเลย ผมต้องทำบุญแค่ไหนถึงจะได้นั่งเก้าอี้ราคาเท่าพวกท่าน ที่ใช้ภาษีประชาชนซื้ออะครับ!?” นายปราโมทย์โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว สะท้อนความรู้สึกของตนเองในฐานะผู้บริหารบริษัทเอกชนที่ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ
มุมมองจากสังคม: ความคุ้มค่าและความจำเป็น
ประเด็นเรื่องเก้าอี้ราคาแพงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างในการบริหารจัดการงบประมาณระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยหลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความจำเป็นและความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ ซึ่งมาจากภาษีของประชาชน
นักวิชาการด้านการบริหารรัฐกิจให้ความเห็นว่า การใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐควรคำนึงถึงหลักความคุ้มค่า (Value for Money) เป็นสำคัญ โดยควรพิจารณาทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหน่วยงานอย่างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งมีหน้าที่หลักในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ
“สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นองค์กรที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ จึงควรเป็นต้นแบบที่ดีในการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและโปร่งใส การตรวจสอบได้ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างธรรมาภิบาลในภาครัฐ” รองศาสตราจารย์ ดร.วิชิต ประเสริฐสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณะและธรรมาภิบาล กล่าว
ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารจากภาคเอกชนหลายรายได้แสดงความคิดเห็นสนับสนุนแนวคิดของนายปราโมทย์ โดยชี้ให้เห็นว่า แม้บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่มีรายได้มหาศาลก็ยังคงบริหารจัดการงบประมาณอย่างระมัดระวังและคำนึงถึงความคุ้มค่าเป็นหลัก
“ผมคิดว่าสำหรับภาคเอกชน การลงทุนทุกอย่างต้องคำนึงถึงผลตอบแทนและความคุ้มค่า แม้แต่เก้าอี้สำนักงานของ CEO ก็ต้องพิจารณาถึงความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ไม่ใช่เพียงเพื่อแสดงสถานะหรือตำแหน่ง” นายธนา วิจิตรพงษา CEO บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของไทยกล่าว
วัฒนธรรมองค์กรและภาพลักษณ์: ต้นทุนที่มองไม่เห็น
อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญบางส่วนให้ความเห็นในอีกมุมมองหนึ่ง โดยมองว่าการลงทุนในครุภัณฑ์สำนักงานคุณภาพสูงอาจมีความจำเป็นในบางกรณี โดยเฉพาะในห้องประชุมสำคัญที่ต้องรองรับแขกระดับสูงหรือการประชุมนานาชาติ ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือขององค์กร
“ในบางกรณี การลงทุนในครุภัณฑ์คุณภาพสูงอาจมีความจำเป็น โดยเฉพาะสำหรับห้องประชุมสำคัญที่ต้องรองรับการประชุมระดับสูง แต่ทั้งนี้ ความเหมาะสมและความคุ้มค่าขึ้นอยู่กับบริบทและความจำเป็นของแต่ละองค์กร” ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบสำนักงานให้ความเห็น
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องความคงทนและอายุการใช้งานของครุภัณฑ์ที่ควรนำมาพิจารณาประกอบ โดยในบางกรณี การลงทุนในครุภัณฑ์คุณภาพสูงอาจมีความคุ้มค่าในระยะยาว หากมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและคุณภาพที่เหนือกว่า
“เราต้องพิจารณาทั้งราคาและคุณภาพควบคู่กันไป การลงทุนในครุภัณฑ์คุณภาพสูงอาจมีความคุ้มค่าในระยะยาว หากมีความคงทนและอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ทั้งนี้ ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมกับงบประมาณและความจำเป็นในการใช้งานเป็นสำคัญ” ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดซื้อจัดจ้างกล่าว
บทเรียนสำหรับการบริหารงบประมาณภาครัฐ
กรณีเก้าอี้ราคาแพงของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินนี้ นำมาสู่บทเรียนสำคัญสำหรับการบริหารงบประมาณภาครัฐ โดยเฉพาะในยุคที่ประชาชนมีความตื่นตัวและให้ความสนใจกับการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐมากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณะเสนอแนะว่า หน่วยงานภาครัฐควรมีการกำหนดมาตรฐานและแนวทางในการจัดซื้อครุภัณฑ์ที่ชัดเจน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ความจำเป็น และความโปร่งใสเป็นสำคัญ พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้
“การสร้างมาตรฐานและแนวทางในการจัดซื้อครุภัณฑ์ที่ชัดเจน จะช่วยให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากประชาชนผู้เสียภาษี” นักวิชาการด้านการบริหารรัฐกิจกล่าว
ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารจากภาคเอกชนยังแนะนำว่า หน่วยงานภาครัฐสามารถเรียนรู้และนำแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณจากภาคเอกชนมาปรับใช้ โดยเฉพาะในเรื่องของการวิเคราะห์ความคุ้มค่าและการกำหนดงบประมาณอย่างเหมาะสม
“ภาคเอกชนมีการวิเคราะห์ความคุ้มค่าและผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างละเอียด ซึ่งหน่วยงานภาครัฐสามารถนำแนวคิดนี้มาปรับใช้เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน” นายปราโมทย์เสนอแนะ
สรุป: บทส่งท้ายของเก้าอี้แสนสิทธิ์
กรณีเก้าอี้ราคาแพงของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินนี้ เป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการบริหารจัดการงบประมาณภาครัฐในยุคปัจจุบัน ที่ประชาชนมีความตื่นตัวและให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณมากขึ้น
“ในท้ายที่สุดแล้ว การบริหารจัดการงบประมาณภาครัฐที่ดีควรคำนึงถึงความคุ้มค่า ความโปร่งใส และประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อครุภัณฑ์หรือการลงทุนในโครงการต่างๆ” ผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมาภิบาลกล่าวทิ้งท้าย
การตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการบริหารงานภาครัฐ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาระบบการบริหารจัดการงบประมาณที่มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในระยะยาว
ในขณะที่ความขัดแย้งเรื่องเก้าอี้ราคาแพงยังคงเป็นประเด็นถกเถียงในสังคม ทั้งภาครัฐและภาคประชาชนควรร่วมกันสร้างมาตรฐานและบรรทัดฐานที่เหมาะสมในการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างความจำเป็น ความคุ้มค่า และความโปร่งใสในการบริหารจัดการงบประมาณของประเทศต่อไป