เพื่อยับยั้งโควิดกลายพันธุ์ “โอไมครอน” นายกรัฐมนตรีอิสราเอลสั่งปิดประเทศเป็นเวลา 2 สัปดาห์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอิสราเอลมีมติ เห็นชอบการยกระดับมาตรการควบคุมพรมแดน ด้วยเหตุผลทางสาธารณสุข เพื่อลดความเสี่ยงจากเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ โอไมครอน ซึ่งในอิสราเอลมีผู้ป่วยแล้ว 1 คน
ทั้งนี้ มาตรการมีผลบังคับใช้อย่างน้อย 14 วัน เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนวันอาทิตย์เข้าสู่วันจันทร์ที่ 29 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ชาวต่างชาติจากทุกประเทศจะไม่สามารถเดินทางเข้าสู่อิสราเอลได้ ยกเว้นมีเอกสารยืนยันล่วงหน้า ว่าได้รับการอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากหน่วยงานของรัฐบาลอิสราเอล
ในส่วนของชาวอิสราเอลซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ และฉีดวัคซีนครบแล้ว ต้องกักตัว 72 ชั่วโมงและเข้ารับการตรวจในวันสุดท้าย แต่ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือยังฉีดไม่ครบ ต้องกักตัวอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และเข้ารับการตรวจด้วยวิธีพีซีอาร์ ในวันที่ 7 ของการกักตัว
ขณะที่เทคโนโลยีการแกะรอยทางโทรศัพท์มือถือของ “ชิน เบต” ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองภายในของอิสราเอล จะมีการนำกลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อแกะรอยผู้ติดเชื้อ โดยเป็นวิธีที่มีการใช้เมื่อครั้งการแพร่ระบาดระลอกแรก ท่ามกลางเสียงวิจารณ์อย่างหนักของหลายฝ่าย
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเนตต์ ผู้นำอิสราเอล และกระทรวงมหาดไทยของอิสราเอล ให้ความเห็นไปในทางเดียวกัน เกี่ยวกับการยกระดับมาตรการทั้งหมด ซึ่งมีการนำนโยบายความมั่นคงมาใช้ร่วมด้วย ทั้งที่เพิ่งเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อต้นเดือนนี้ ว่าอิสราเอลต้องเชื่อไว้ก่อน ว่าตอนนี้เชื้อโอไมครอนแพร่ระบาดไปแล้วแทบทั้งโลก ต่อให้มีการฉีดวัคซีนมาก แต่ยังไม่มีความชัดเจน ว่าวัคซีนแต่ละแบบสามารถต้านทานเชื้อตัวนี้ได้มากแค่ไหน
